การลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองรีท และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ลงทุนจะพิจารณาเลือกลงทุนอย่างไรนั้น สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงจะประกอบด้วยรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประการแรกเลยที่ผู้ลงทุนต้องรู้และเข้าใจ คือ คำว่าผลตอบแทน หรือ Yield
จริงๆ แล้วค่าตัวนี้ไม่สามารถใช้วัดกันตรงๆ ได้ เพราะผลตอบแทนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น หมายถึงเงินที่จ่ายออกมาในแต่ละปี โดยกองทุนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินจะแตกต่างจากกองทุนสิทธิการเช่า ถ้ากองทุนนั้นมีสินทรัพย์ที่เป็นสิทธิการเช่า (Leasehold) ผลตอบแทนที่ได้รับนั้นก็อาจจะมีเงินต้นที่ทยอยคืนมาบางส่วนด้วย ไม่ได้เป็นดอกผลทั้งหมดแต่เพียงอย่างเดียว
ยกตัวอย่างเช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 2 กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน ทำเลใกล้เคียงกัน ขนาดกองทุนใกล้เคียงกัน โดยกองหนึ่งเป็นกองทุนสิทธิการเช่า 30 ปี ให้ผลตอบแทน 7% แต่อีกกองหนึ่งเป็นเจ้าของสินทรัพย์โดยสมบูรณ์ (Freehold) ให้ผลตอบแทนเพียง 5% ถ้าดูคราวๆ กองที่ให้ผลตอบแทน7% จะดูดีกว่า แต่จริงๆ แล้วควรต้องพิจารณาถึงผลตอบแทนสุทธิ (net yield) ด้วย
ประการที่สอง นักลงทุนต้องรู้ว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นสิ่งก่อสร้างประเภทใด ทำเลอยู่ที่ไหน
ธุรกิจแต่ละประเภทมีที่มาและการกระจุกตัวของรายได้ต่างกัน ซึ่งก็หมายถึงความเสี่ยงที่ต่างกันด้วย ตัวอย่างเช่น ธุรกิจโรงแรมตามสถานที่ตากอากาศก็มีรายได้ขึ้นอยู่ตามฤดู วันหยุด ภูมิอากาศ หรือเรียกกันว่า Low Season/High Season ธุรกิจโรงงาน โกดังคลังสินค้า ก็มีลูกค้าที่เหนียวแน่น ย้ายไปที่อื่นยาก แต่ถ้าย้ายออกก็หาผู้เช่าใหม่ก็จะยากเช่นเดียวกัน ธุรกิจอาคารสำนักงานก็ต้องดูว่าอยู่พื้นที่ไหน ทำเลอยู่ย่านธุรกิจกลางเมืองหรือไม่ มีการกระจุกหรือกระจายตัวของผู้เช่าเป็นอย่างไร ทีนี้ในบางกรณีกองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐานนั้นมีผู้เช่าน้อยรายหรือเพียงรายเดียว ถ้าจะลงทุนก็ต้องเข้าใจความมั่นคงทางการเงิน หรือเครดิตเรตติ้งของผู้เช่าด้วย เพราะรายได้ค่าเช่านั้นมาจากผู้เช่าเพียงรายเดียวหรือน้อยราย หากผู้เช่ามีปัญหาทางการเงิน กองทุนก็จะพลอยขาดรายได้ไปด้วย
ประการที่สาม เรื่องอัตราดอกเบี้ย
เป็นตัวแปรทางเลือกของนักลงทุน เมื่อสมัยที่ดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลยังอยู่ในระดับที่สูงพอควร ความสนใจในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองรีท ก็มีไม่มาก เมื่อดอกเบี้ยลดต่ำลง